รายงานการประชุม CoP กลุ่ม: การพัฒนาศักยภาพอาจารย์ใหม่ด้วยการจัดการความรู้
ครั้งที่ 1 วันที่ 8 เม.ย. 2557 เวลา 09.00 – 12.00 น.
ครั้งที่ 2 วันที่ 11 เม.ย. 2557 เวลา 09.00 – 12.00 น.
มีอาจารย์เข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนจำนวน 16 คน สรุปสาระการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ดังนี้ ประเด็นปัญหาอาจารย์ใหม่เกี่ยวกับการเรียนการสอนภาคทฤษฎี ภาคปฏิบัติ และการประเมินผล
- มีการปรับเปลี่ยนการทำงานจากพยาบาลประจำการเป็นอาจารย์ทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับ
- ไม่คุ้นเคยกับการเป็นอาจารย์ ปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง
- ต้องเตรียมความรู้มากชึ้น เพราะต้องเป็นอาจารย์นิเทศในหอผู้ป่วยที่ไม่ คุ้นเคย เช่น การปรับเปลี่ยนการทำงานจากพยาบาลประจำการหอผู้ป่วยศัลยกรรมมาเป็นอาจารย์นิเทศหอผู้ป่วยอายุรกรรม
- ยังไม่สามารถเชื่อมโยงความรู้ภาคทฤษฎีกับภาคปฏิบัติหรือประสบการณ์
- การที่มีองค์ความรู้ไม่มากพอทำให้อาจารย์เกิดความไม่มั่นใจ และไม่ทราบว่าสิ่งที่จะต้องสอนมีขอบเขตเนื้อหามากน้อยแค่ไหน
- อาจารย์เกิดความไม่มั่นใจในการทำหัตถการบางอย่างที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งอาจทำให้นิสิตไม่เชื่อถือ
- อาจารย์ใหม่มีเวลาเตรียมความพร้อมก่อนการสอนทฤษฎีน้อย สำหรับการนิเทศภาคปฏิบัติ มีประสบการณ์ผ่านการฝึกปฏิบัติงานที่หอผู้ป่วยที่ต้องนิเทศน้อยเพียง 4 สัปดาห์
- จัดให้อาจารย์ใหม่สอนทฤษฎีและปฏิบัติเร็วเกินไป (หลังฝึกประสบการณ์บนหอผู้ป่วย 4-6 เดือน) ซึ่งระยะเวลาการเรียนรู้น้อยทำให้ปฏิบัติงานด้านการสอนทฤษฎีและปฏิบัติไม่มีประสิทธิภาพ
- อาจารย์บางคนสอนทฤษฎีและปฏิบัติ ในขณะที่ยังไม่ได้เรียนครูคลินิก ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการสอน
- การเตรียมสอนนิสิตแต่ละหลักสูตรแตกต่างกัน เช่น การเตรียมสอนนิสิตพยาบาลศาสตรบัณฑิต (จพช.) ใช้เวลาเตรียมสอนค่อนข้างมาก ซึ่งอาจารย์แต่ละคนอาจจะไม่เข้าใจหลักสูตรแต่ละหลักสูตร ซึ่งการไม่เข้าใจหลักสูตรทำให้การบูรณาการเชื่อมโยงไม่มีประสิทธิภาพรวมทั้งหลัก สูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิตกับพยาบาลศาสตรบัณฑิต (จพช.) มีลักษณะผู้เรียนที่แตกต่างกันทำ ให้การเตรียมตัวสอนของอาจารย์ไม่เหมือนกัน อาจารย์ต้องปรับตัวมากและบางครั้งไม่มั่นใจ
- ขณะส่งฝึกปฏิบัติงานเตรียมความพร้อมอาจารย์ใหม่ วิทยาลัยฯเรียกประชุมบ่อยทำให้เวลาเรียนรู้งานที่หอผู้ป่วยน้อย และเกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดี (ภาพลักษณ์ที่ไม่ดี คือ แหล่งฝึกปฏิบัติคิดว่าเวลาที่วิทยาลัยฯให้อาจารย์ใหม่เรียนรู้งานน้อยเกินไป)
- การมีภาระงานอื่นนอกจากการเรียนการสอนทำให้ทำงานยากขึ้น และภาระงานหลายอย่างทำให้อาจารย์ใหม่ค่อนข้างเครียด เกิดปัญหากับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เช่น เมื่อเป็นอาจารย์ใหม่จำเป็นต้องเรียนรู้สิ่งใหม่คือ การเรียนการสอน แต่นอกจากการเรียนการสอนอาจารย์ใหม่จำเป็นต้องเรียนรู้งานอื่นร่วมด้วยในเวลาเดียวกัน เช่น ต้องเป็นหัวหน้างานตามโครงสร้างวิทยาลัยฯ ทำให้การเรียนรู้งานเกี่ยวกับการเรียนการสอนน้อยลง
- อาจารย์พี่เลี้ยงอาจารย์ใหม่ (Coaching) ไม่ชัดเจน รวมทั้งอาจารย์พี่เลี้ยงบางคนไม่มีเวลาให้ ทำให้อาจารย์ใหม่ได้รับการสอนงานค่อนข้างน้อย
- หัวหน้าหอผู้ป่วยและพยาบาลประจำการให้การยอมรับอาจารย์ใหม่ค่อนข้างน้อย และหากเป็นอาจารย์ที่อายุน้อยการยอมรับก็น้อยเพิ่มมากขึ้น
- วิทยาลัยฯ มีอาจารย์น้อยจึงจำเป็นต้องให้อาจารย์สอนภาคปฏิบัติไม่ตรงตามความเชี่ยวชาญ ทำให้อาจารย์เครียดและส่งผลกระทบต่อนิสิต เช่น อาจารย์มีความเชี่ยวชาญการพยาบาลเด็กแต่จำเป็นต้องช่วยสอนภาคปฏิบัติการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ
- อาจารย์ให้คะแนนนิสิตแบบไม่มีอำนาจจำแนก ให้คะแนนนิสิตทุกคนเท่ากัน สามารถแยกเด็กได้ และทำให้การตัดเกรดไม่ยุติธรรม
- อาจารย์บางคนยังไม่เข้าใจระบบและวิธีการตัดเกรด
- อาจารย์นิเทศ pre conference นานมาก ทำให้นิสิตไม่ค่อยได้ทำ กิจกรรมการพยาบาล

ประเด็นปัญหาอาจารย์ใหม่ ปัญหาด้านคุณธรรม
- รับผิดชอบ พบว่า ครูบางคนมีพฤติกรรมเข้าห้องเรียน / ขึ้นนิเทศนิสิตที่ โรงพยาบาลช้า
- แต่งตัวไม่เหมาะสม
- ไม่เป็นกัลยาณมิตร ดุนิสิตและขาดเหตุผลในการตำหนินิสิต
- ไม่ค้นคว้าหาความรู้ เพื่อสอนนิสิต
แนวทางการแก้ไขปัญหาอาจารย์ใหม่เกี่ยวกับการการบริหารจัดการ
- อาจารย์ใหม่ควรเรียนรู้โครงสร้างของหน่วยงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (วิทยาลัยฯ โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ฯลฯ) เพื่อจะได้ทราบระบบการบริหารและงานในหน่วยงาน นอกจากนี้ควรเรียนรู้เรื่องระบบการเบิกจ่ายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน กับการเงินและเลขาวิชาการ
- หน่วยงานควรจัดปฐมนิเทศโดยพบผู้บริหาร หัวหน้าภาควิชา และอธิบายความรับผิดชอบต่างๆ เช่น ทำงานอยู่ในภาควิชาอะไรและต้องรับผิดชอบงานอะไรบ้างในภาควิชา นอกจากนี้จะต้องอธิบายงานอื่นๆ (งานตามโครงสร้างวิทยาลัยฯ) ที่ต้องทำนอกจากงานการเรียนการสอน มคอ. 3 4 5 และ 6 รวมทั้งระบบการเบิกจ่ายของวิทยาลัยฯ
- เข้าพบหัวหน้างานพัฒนาบุคลากร หัวหน้าภาควิชา และหัวหน้างาน เพื่อมอบคู่มืออาจารย์ใหม่ (จากหัวหน้างานพัฒนาบุคลากร) และวางแผนการทำงานของอาจารย์ใหม่ร่วมกัน
- สัปดาห์ที่ 1 ศึกษางานในวิทยาลัยฯกับรองผู้อำนวยการ
- สัปดาห์ที่ 2 เรียนรู้งาน IC ของ รพ.นพรัตนราชธานี โดยการฝึกประสบการณ์พิจารณา ดังนี้
- อาจารย์ใหม่ที่มีประสบการณ์ ให้ฝึกปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยต่างๆ 4 – 6 เดือน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการสอนนิสิต โดยต้องฝึกปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนวิชาปฏิบัติหลักการและเทคนิคการพยาบาล เป็นระยะเวลา 2 เดือน และเตรียมความพร้อมก่อนการสอนนิสิต โดยต้องฝึกปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยที่ตรงกับความเชี่ยวชาญของตนเอง เป็นระยะเวลา 4 เดือน
- อาจารย์ใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ ให้ฝึกปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยต่างๆ และควรมี ครูพี่เลี้ยงที่คอยให้ข้อเสนอแนะ เป็นระยะเวลา 2 ปี
- ควรให้อาจารย์ใหม่สังเกตการสอนของอาจารย์ที่มีประสบการณ์ โดยสังเกตการสอนภาคทฤษฎีอย่างน้อย 6 ครั้ง (ในภาควิชา 3 ครั้ง นอกภาควิชา 3 ครั้ง) และภาคปฏิบัติต้องสังเกตการณ์สอนอย่างน้อย 1 Section ของวิชาที่มีในภาควิชา โดยในภาควิชาให้หัวหน้าภาคเป็นผู้กำหนดการสังเกตการณ์สอน แต่การสังเกตการสอน นอกภาควิชาให้อาจารย์ใหม่เลือกเข้าสังเกตการได้ตามต้องการ แต่ต้องแจ้งอาจารย์สอนล่วงหน้าด้วย
- ควรมีการประเมินการสอนอาจารย์ใหม่โดยรองวิชาการ หัวหน้าภาค และหัวหน้าวิชา และให้รายงานผลแก่รองวิชาการ
- อาจารย์ทุกคนควรมีการจัดทำแฟ้มปฐมนิเทศประจำหอผู้ป่วย โดยกำหนดสิ่งที่นิสิตต้องได้เรียนรู้จากการฝึกปฏิบัติงานหอผู้ป่วย แต่ละวิชา
- อาจารย์ควรมีการฝึกทักษะการพยาบาลก่อนขึ้นตึกหากอาจารย์ยังไม่มั่นใจหรือยังไม่เคยมีประสบการณ์การฝึกในหอผู้ป่วยนั้น ๆ ทั้งนี้เพื่อให้อาจารย์มีความมั่นใจมากขึ้น โดยการฝึกทักษะในหอผู้ป่วยให้อาจารย์ตรวจสอบภาระงานตาม Master plan และตรวจสอบช่วงเวลาที่เหมาะสมในการฝึกทักษะเพิ่มเติมและให้แจ้งรองวิชาการเพื่อจะได้ทำหนังสือแจ้ง โรงพยาบาล
แนวทางการแก้ไขปัญหาอาจารย์ใหม่เกี่ยวกับการการเรียนการสอน ภาคทฤษฎี
แนวทางการแก้ไขปัญหาอาจารย์ใหม่เกี่ยวกับการการภาคปฏิบัติ
แนวทางการแก้ไขปัญหาอาจารย์ใหม่เกี่ยวกับการการประเมินผล
ประเด็นปัญหาด้านคุณธรรมจริยธรรม
- อาจารย์ใหม่ต้องทำแผนการสอน และต้องผ่านการตรวจสอบความถูกต้องจากครูพี่เลี้ยง ทุกครั้งก่อนสอน เพื่อสร้างความมั่นใจเกี่ยวกับความถูกต้องของเนื้อหา ความครอบคลุมและขอบเขตเนื้อหา
- อาจารย์ต้องทำความเข้าใจกับหลักสูตร คำอธิบายรายวิชา ผลลัพธ์การเรียนรู้ จึงจะ กำหนดขอบเขตเนื้อหาได้ ซึ่งการกำหนดขอบเขตเนื้อหาควรมาจากการประชุมพิจารณาจากภาควิชา อาจใช้หลักการพิจารณาง่าย ๆ ว่า สิ่งใดที่ต้องรู้ ควรรู้ น่ารู้ แล้วไปกำหนดวัตถุ ประสงค์ในการเรียนรู้
- การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ควรจัดหลากหลาย เพราะจะทำให้นิสิตสนใจ จัดบรรยาย อย่างเดียวจะทำให้นิสิตหลับ (การออกแบบกิจกรรมอาจเริ่มจากที่ตนเองถนัดก่อน) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ อาจใช้ทฤษฎีหลากหลาย เช่น ทฤษฎีพหุปัญญา ทฤษฎีทางจิตวิทยา หรือ ทฤษฎี constructivism การวางแผนการสอนที่ดีย่อมน่าจะสอนได้ดี
- การสอนทฤษฎีควรใช้สื่อการสอนที่หลากหลาย เช่น VDO สถานการณ์ปัจจุบัน สถานการณ์จริง หรือสถานการณ์บนหอผู้ป่วย หรือศึกษาดูงาน จะกระตุ้นนิสิตให้สนใจเรียนรู้
- การดูแบบอย่างการสอนที่ดีที่จะนำมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติได้ เช่นการสังเกตการณ์ การสอนของอาจารย์ที่มีผลการประเมินการสอนดี
- เทคนิคการสอนในห้องเรียนบางอย่าง เช่น การให้นิสิตมา present หน้าชั้นเรียน นิสิตที่นั่งฟังอาจไม่สนใจ อาจต้องหากลยุทธ์ เช่น ขณะที่เพื่อนกำลัง present ครูจะออกข้อสอบไปด้วย เป็นต้น
แนวทางการแก้ไขปัญหาอาจารย์ใหม่เกี่ยวกับการการภาคปฏิบัติ
- การแบ่งกลุ่มการฝึกปฏิบัติการพยาบาลบนหอผู้ป่วย ควรแบ่งกลุ่มคละนิสิตอ่อนและเก่ง เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือกัน
- อาจารย์ไม่ควรใช้เวลาในการ pre conference นาน เพราะจำทำให้นิสิตปฏิบัติการ พยาบาลน้อยลง อาจารย์ควรใช้เวลาประมาณ 30 นาที หากมีนิสิต 2 ทีม อาจ pre conference ที่ละทีม โดยให้อีกทีมไปดูแลผู้ป่วยก่อน กรณี ผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายกัน ให้ Conference เด็กพร้อมกัน โดยอาจถามนิสิตว่ามีการดูแลเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร
- อาจารย์ควร Round ผู้ป่วยเพื่อให้รู้อาการก่อน pre conference
- ขณะ pre conference ถ้าอาจารย์ถามนิสิตแล้วนิสิตตอบไม่ได้ อย่ารอให้นิสิตหาคำตอบ แจ้งให้นิสิตไปหาคำตอบแล้วมาคุยกัน อาจเป็นช่วง post conference ที่อาจารย์อาจนำเรื่องที่เกี่ยวกับทฤษฎีมา discussion กับประสบการณ์ที่นิสิตพบ ซึ่งตอนเช้าไม่สามารถทำได้เนื่องจากเวลาไม่พอ
- การพิจารณามอบหมายงานให้นิสิตอาจพิจารณาหลายประเด็น โรคที่เรียนในทฤษฎีที่พบบ่อย ที่สำคัญแต่พบไม่บ่อย
- -ผู้ป่วยหนัก นิสิตจะได้ทำกิจกรรมเฉพาะอย่าง เช่น ตรวจสอบสัญญาณชีพ ทุก 1-4 ชม การบันทึก Urine output การให้อาหาร Complete bed bath เป็นต้น แต่ไม่สามรถทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้
- -ผู้ป่วยอาการไม่หนัก ช่วยเหลือกตัวเองได้ เมื่อนิสิตปฏิบัติกิจกรรมกับผู้ป่วยเสร็จแล้ว ยังสามารถไปช่วย Ward ทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้อีก ***ดังนั้นอาจารย์ต้องชั่งน้ำหนักว่าจะมอบหมาย case อย่างไร กับนิสิตแต่ละคน
- การ check chart ผู้ป่วยที่นิสิตรับผิดชอบตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายของ chart เป็นเทคนิคการสอนภาคปฏิบัติที่อาจารย์อาจนำไปใช้ เพราะเป็นการสอบทานว่านิสิตรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับผู้ป่วย ประเมินสภาพผู้ป่วยได้หรือไม่ เข้าใจองค์รวมของผู้ป่วยหรือไม่
แนวทางการแก้ไขปัญหาอาจารย์ใหม่เกี่ยวกับการการประเมินผล
- การประเมินผลอาจารย์ต้องจำแนกนิสิตให้ได้ว่าแต่ละคนมีความแตกต่างกันอย่างไร ใคร ควรเป็นกลุ่ม A B C ก็ต้องประเมินคะแนนให้ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด ไม่ใช่ประเมินคะแนนเท่ากันหมด นอกจากนี้ต้องพิจารณาคะแนน หากคะแนนมาจากคะแนนกลุ่มโดยส่วนใหญ่ ซึ่งนิสิตในกลุ่มจะได้คะแนนเท่ากัน ก็จะมีผลทำให้ เกรดใดเกรด A อยู่ในกลุ่มที่ได้คะแนนมาก และกลุ่มที่ได้คะแนนน้อยจะเป็น C ดังนั้นการพิจารณาคะแนนกลุ่มและคะแนนเดี่ยวต้องพิจารณาด้วยว่า น้ำหนักคะแนนสามารถจำแนกนิสิตได้
- การตัดเกรดภาคปฏิบัติหากตัด T score ต้องมีนิสิต 10 คนขึ้นไป แต่ถ้าไม่ถึง 10 คนให้ตัดเกรดโดยใช้ percentile การรวมคะแนนดิบของนิสิตที่ฝึกปฎิบัติ แล้วตัดเกรดต้องพิจารณาว่า นิสิต 1 คน ควรผ่านการวัดและประเมินผลจากอาจารย์ทุกคน
- นิสิตทุกคนควรได้รับการทดสอบทักษะที่จำเป็นก่อนสิ้นสุดการฝึกปฏิบัติงานแต่ละ หอผู้ป่วย และควรมีการสอบความรู้รวบยอดของแต่ละวิชาเมื่อเสร็จสิ้นการฝึกปฏิบัติ
- อาจารย์ต้องประเมินผลย้อนกลับนิสิตให้เร็วไม่ว่าจะเป็นการประเมินผลการทำ Nursing care plan dialy plan หรือการประเมินผลการสอน ควรแจ้งผลแก่นิสิตเร็วเท่าที่จะเร็วได้ นิสิต จะได้ทราบสิ่งที่ควรแก้ไข ปรับปรุง เช่น ช่วงเช้าขณะนิสิต Pre conference ให้อาจารย์ตรวจ Nursing care plan หรือ dialy plan คร่าว หรืออาจเป็นช่วงกลางวันแล้วแจ้งสิ่งที่นิสิตต้องแก้ไขช่วง Post conference
- อาจารย์นิเทศควรแจ้งประสบการณ์ที่นิสิตยังไม่ได้รับ หรือทักษะการพยาบาลที่นิสิตยังปฏิบัติไม่ได้ แก่อาจารย์ที่นิสิตคนต่อไป แต่ไม่ควรส่งเวรเกี่ยวกับพฤติกรรมของนิสิตเพราะจะทำให้นิสิตไม่ได้รับความเป็นธรรมจากอคติของอาจารย์ได้
- ควรมีการจัดโครงการอบรมเรื่องการเรียนการสอน การประเมินผล (วิธีการสอนแบบต่าง ๆ และการประเมินผล การเขียนแผนการสอน) เพื่อให้อาจารย์มีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น หรือการเข้าประชุมเพื่อฟังและเสนอความคิดเห็นในลักษณะนี้ จะเป็นประโยชน์มากกับอาจารย์ใหม่
ประเด็นปัญหาด้านคุณธรรมจริยธรรม
- อาจารย์ต้องเป็นแบบอย่าง วางตัวให้เหมาะสม (รับผิดชอบบทบาทของความเป็นครู แต่งตัวให้เหมาะสมกับความเป็นครู) เมตตา (รักนิสิต ไม่ทำร้ายนิสิต) รับผิดชอบ ใฝ่หาความรู้และมีเหตุผล การที่อาจารย์ใจดี แต่ไม่สอน ไม่สนใจนิสิต ก็ไม่ใช่อาจารย์ที่ดี จะดุ จะว่านิสิต ต้องมีเหตุผล แสดงออกให้นิสิตรู้สึกว่าทำเพราะหวังดี นิสิตสามารถรับรู้ตรงนี้ได้
- อาจารย์ไม่ควรดุนิสิตต่อหน้าผู้ป่วย เพราะจะทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ และจะทำให้นิสิตไม่มั่นใจในตนเอง
- อาจารย์ที่ดีควรเข้าหา เข้าใจ เข้าถึงนิสิต เพื่อให้นิสิตไว้วางใจในตัวอาจารย์และเล่าถึงปัญหาให้อาจารย์ฟัง เพราะมีความรู้สึกว่าอาจารย์เป็นที่พึ่ง
- การลงโทษอาจไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไร ควรพูดกันดีกว่า และครูต้องขอโทษเป็นหากครู กระทำไม่เหมาะสม หรือผิดพลาด และครูไม่ควรตำหนินิสิตในสิ่งที่ครูทำไม่ได้ เพราะจะทำให้เสียความน่าเชื่อถือได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
Thank you for your share.